CELL THERAPY : เซลล์บำบัด

เซลล์บำบัด คือ การนำเซลล์ หรือ องค์ประกอบของเซลล์มาช่วยฟื้นฟูความแข็งแรง กระตุ้นการซ่อมแซม และเติบโตให้แก่เซลล์ในร่างกายของเรา ช่วยคืนความเยาว์วัย สุขภาพที่ดี ให้ร่างกายได้สัมผัสความหนุ่มสาวอีกครั้งหนึ่ง

ในจุดเริ่มต้นของการใช้เซลล์บำบัด จะเป็นการใช้อวัยวะของสัตว์มาบดละเอียด เพื่อการรักษา ต่อมามีการสกัดเฉพาะเซลล์ หรือองค์ประกอบบางส่วนของเซลล์มาใช้ ปัจจุบันมีการพัฒนาจนสามารถเพาะเลี้ยงเซลล์ เลือกเอาเฉพาะสเต็มเซลล์ที่แข็งแรงมาเท่านั้น แต่คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าตัวสเต็มเซลล์เองก็มีหลายคุณภาพ ตั้งแต่ราคาถูกไม่กี่หมื่นบาท

ไปจนกระทั่งราคาหลักหลายล้านบาท ราคาที่แพงขึ้นหมายถึงคุณภาพที่สูงขึ้นตามมา ทั้งคุณภาพในการเก็บเซลล์ คุณภาพในการเพาะเลี้ยงเซลล์ คุณภาพในการคัดเลือกเซลล์ที่ดีที่สุด ที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยจะประสิทธิภาพที่คุ้มค่า โดยมาตรฐานการผลิตสเต็มเซลล์ที่ดีมี 5 ขั้นตอนหลักคือ

  1. มาตรฐาน GTP ในการคัดเลือกที่มาของเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง เพื่อให้ได้เนื้อเยื่อที่มีคุณภาพสูง ปราศจากเชื้อปนเปื้อน
  2. มาตรฐาน ATMP หรือ US-FDA สำหรับการผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์
  3. มาตรฐาน ISCT ในการตรวจคุณภาพของสเต็มเซลล์ที่สมบูรณ์ เหมาะสม
  4. มาตรฐาน ISO เพื่อรับรองความถูกต้อง ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต
  5. มาตรฐาน GMP ให้ทุกการผลิตมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน

ในปัจจุบันมีการใช้เซลล์บำบัดมาใช้ในการรักษา หรือลดอาการของโรคได้ โดยเฉพาะโรคที่มีการอักเสบต่อเนื่อง เช่น ภูมิแพ้ (Allergy) แพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune disease) โรคตับ โรคเบาหวานชนิด โรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน ภาวะเอ็น หรือกล้ามเนื้ออักเสบ ฮอร์โมนแปรปรวน รวมทั้งนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูผิวพรรณ และแก้ผมร่วงได้ด้วย ชั้นผิวหนังบริเวณรูขุมขนของเราจะมี Stem cell กระจุกอยู่ เรียกว่า Stem cell bulge มีหน้าที่ซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ผิวสวย

แต่นอกจากจำนวน Stem cell จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้นแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานยังลดลงด้วย ทำให้ผิวโทรม ผิวไม่แข็งแรง การกระตุ้น Stem cell ด้วยวิธีเซลล์บำบัดจะสามารถเพิ่มจำนวน Stem cell ชั้นผิวหนัง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Stem cell ได้ และยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังจากการถูกทำร้ายโดยมลภาวะ สารพิษ เครื่องสำอางต่างๆ ที่ทำลายผิวในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

Organopeptide for Your Brain

โปรตีนพิเศษสำหรับบำรุงสมอง ช่วยกระตุ้นการแบ่งตัว และซ่อมแซมตัวเองของสมองได้ หรือถ้าต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

Organopeptide for Your Brain (โปรตีนพิเศษสำหรับบำรุงสมอง)

สมัยก่อนคนเราเชื่อว่าเซลล์สมองไม่สามารถแบ่งตัวหรือซ่อมแซมตัวเองได้ เสียแล้วเสียเลย แต่จริงๆแล้วนั้นเซลล์สมองสามารถแบ่งตัวทดแทน ซ่อมแซมตัวเองได้ แต่กระบวนการนี้เป็นไปได้อย่างเชื่องช้ายิ่งยวด ทำให้เราเห็นผลการรักษาตัวเองของสมองได้ช้า(มากๆ) โดยในสมองจะสร้างโปรตีนชนิดหนึ่งมากระตุ้นเซลล์สมองเองให้เกิดการซ่อมแซม แต่โปรตีนชนิดนี้มีความเข้มข้นต่ำมาก จึงสามารถกระตุ้นเซลล์ได้น้อยไปด้วย

หากเกิดการบาดเจ็บของสมอง และต้องการการซ่อมแซม การใช้โปรตีนพิเศษปริมาณสูงจะสามารถช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวและซ่อมแซมตัวเองของสมองได้ หรือถ้าต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เช่น ช่วงอ่านหนังสือสอบ ช่วงใช้ความคิดทำงานหนัก มีปัญหาความจำ หรือเริ่มมีอาการสมองเสื่อม ก็สามารถใช้โปรตีนพิเศษนี้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกก็สามารถใช้โปรตีนพิเศษเพื่อบำรุงสมอง และกระตุ้นการงอกใหม่ของเซลล์สมองมาทดแทนส่วนที่ตายไปได้ โดยควรให้โปรตีนกระตุ้นเร็วที่สุดหลังเกิดอาการ ตามคำแนะนำที่ผ่านการรับรองขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาและไทย แนะนำให้ใช้ทันทีหลังเกิดอาการอย่างต่อเนื่องจะให้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

PRP (Platelet Rich Plasma)

สารสกัด Growth factor จากเกล็ดเลือด โปรตีนที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ต่างๆ ให้เจริญเติบโต ซ่อมแซมตนเอง สร้างสารจำเป็น หรือเจริญไปเป็นเซลล์เฉพาะต่างๆ

PRP (Platelet Rich Plasma) (สารสกัด Growth factor จากเกล็ดเลือด)

Growth factor คือโปรตีนที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ต่างๆให้เจริญเติบโต ซ่อมแซมตนเอง สร้างสารจำเป็น หรือเจริญไปเป็นเซลล์เฉพาะต่างๆ เช่น กระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวสวย แข็งแรง ช่วยให้เซลล์แบ่งตัวซ่อมแซมบาดแผล กระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนในข้อเข่า หรือกระตุ้นให่รากขนสร้างเส้นขน เส้นผมให้ใหญ่ขึ้น จำนวนเส้นมากขึ้น แข็งแรงขึ้น เป็นต้น

แหล่งที่จะสกัด Growth factor ได้ง่ายและมีคุณภาพคือจากเลือด โดยจะเป็นเลือดของเราเอง หรือเลือดของผู้อื่นก็ได้ หากสกัดจากเลือดของเราเองก็สามารถวางใจได้ถึงความปลอดภัยเนื่องมาจากเป็นเลือดของเราเอง แต่ข้อเสียของการใช้เลือดของตัวเองคือจะไม่สามารถกำหนดและควบคุมชนิดหรือความเข้มข้นของ Growth factor ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาลดลง

ส่วนการใช้สารสกัด Growth factor จากเลือดของผู้อื่น เราจะสามารถตรวจคุณภาพ ชนิดหรือความเข้มข้นของ Growth factor ได้ตรงกับที่เราต้องการ แต่ก็ต้องระวังการปนเปื้อนของสารหรือเชื้อโรคต่างๆ ทำให้ขั้นตอนการผลิต Growth factor จากเลือดของผู้อื่นต้องใช้มาตรฐานที่สูง มีการคัดกรองอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้สารสกัด Growth factor จากเลือดของผู้อื่นจึงสูงกว่าสกัดจากเลือดของตนเอง แต่ก็ได้คุณภาพและประสิทธิภาพสูงกว่าเช่นกัน

Stem cells

สเต็มเซลล์ เพื่อทดแทน หรือแทนที่เซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย หรือนำไปใช้ในเรื่องของผิวพรรณ และความงาม ก็สามารถทำได้

MSCs (Mesenchymal Stomal/Stem cells) (สเต็มเซลล์)

ระหว่างเด็กกับคนแก่ ใครมีพลังชีวิตมากกว่ากัน ?

สเต็มเซลล์ก็เช่นกัน สเต็มเซลล์จากเด็กแรกเกิดมักจะมีพลังงานและความประสิทธิภาพสูงกว่าสเต็มเซลล์ที่เกิดมานานแล้ว หรือแม้แต่สเต็มเซลล์ของเด็กที่เก็บแช่แข็งไว้เป็นเวลาหลายปีก็เกิดการเสื่อมประสิทธิภาพลงเช่นกัน ในปัจจุบันจึงมีการสกัดสเต็มเซลล์จากเด็กทารก ทั้งเซลล์จากน้ำคร่ำ เนื้อเยื่อสายสะดือ เลือดแรกเกิดในสายสะดือ หรือรกเด็ก ซึ่งเชื่อว่าเป็นสเต็มเซลล์ที่มีอายุน้อย พลังงานสูง และมีความสามารถในการลดการอักเสบและซ่อมแซมร่างกายได้สูงสุด แต่คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าสเต็มเซลล์เองก็มีหลายคุณภาพ ตั้งแต่ราคาถูกไม่กี่หมื่นบาท ไปจนกระทั่งราคาหลักหลายล้านบาท อีกทั้งสเต็มเซลล์จากแหล่งที่ต่างกันก็มีความสามารถที่ต่างกัน ราคาที่แพงขึ้นหมายถึงคุณภาพที่สูงขึ้นตามมา ทั้งคุณภาพในการเก็บเซลล์ คุณภาพในการเพาะเลี้ยงเซลล์ คุณภาพในการคัดเลือกเซลล์ที่ดีที่สุด ที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยจะประสิทธิภาพที่คุ้มค่า โดยมาตรฐานการผลิตสเต็มเซลล์ที่ดีมี 5 ขั้นตอนหลักคือ
1. มาตรฐาน GTP ในการคัดเลือกที่มาของเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง เพื่อให้ได้เนื้อเยื่อที่มีคุณภาพสูง ปราศจากเชื้อปนเปื้อน
2. มาตรฐาน ATMP หรือ US-FDA สำหรับการผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์
3. มาตรฐาน ISCT ในการตรวจคุณภาพของสเต็มเซลล์ที่สมบูรณ์ เหมาะสม
4. มาตรฐาน ISO เพื่อรับรองความถูกต้อง ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต
5. มาตรฐาน GMP ให้ทุกการผลิตมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน

แม้จะเห็นว่าสเต็มเซลล์นั้นมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง แต่ใช่ว่าทุกโรค ทุกอาการจะสามารถใช้สเต็มเซลล์ช่วยได้ เพราะบางครั้งการใช้สารสกัดจากเซลล์ซึ่งมีขนาดเล็กจะสามารถเข้าถึงจุดบาดเจ็บของอวัยวะได้ดีกว่า และช่วยให้อาการดีขึ้นได้ดีกว่าการใช้เซลล์ก็ได้ ดังนั้นการเลือกใช้ชนิดของเซลล์บำบัดให้ถูกต้อง เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน

  • เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 5-15 ปี
  • เหมาะสำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน
  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ วัยทอง