รายละเอียดแพคเกจ

สนใจติดต่อ

@Medtopia 098-9824658

เซลล์บำบัด คือ การนำเซลล์ หรือ องค์ประกอบของเซลล์มาช่วยฟื้นฟูความแข็งแรง กระตุ้นการซ่อมแซม และเติบโตให้แก่เซลล์ในร่างกายของเรา ช่วยคืนความเยาว์วัย สุขภาพที่ดี ให้ร่างกายได้สัมผัสความหนุ่มสาวอีกครั้งหนึ่ง

ในจุดเริ่มต้นของการใช้เซลล์บำบัดจะเป็นการใช้อวัยวะของสัตว์มาบดละเอียดเพื่อการรักษา ต่อมามีการสกัดเฉพาะเซลล์หรือองค์ประกอบบางส่วนของเซลล์มาใช้ ปัจจุบันมีการพัฒนาจนสามารถเพาะเลี้ยงเซลล์ เลือกเอาเฉพาะสเต็มเซลล์ที่แข็งแรงมาเท่านั้น แต่คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าตัวสเต็มเซลล์เองก็มีหลายคุณภาพ ตั้งแต่ราคาถูกไม่กี่หมื่นบาท ไปจนกระทั่งราคาหลักหลายล้านบาท ราคาที่แพงขึ้นหมายถึงคุณภาพที่สูงขึ้นตามมา ทั้งคุณภาพในการเก็บเซลล์ คุณภาพในการเพาะเลี้ยงเซลล์ คุณภาพในการคัดเลือกเซลล์ที่ดีที่สุด ที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยจะประสิทธิภาพที่คุ้มค่า

โดยมาตรฐานการผลิตสเต็มเซลล์ที่ดีมี 5 ขั้นตอนหลักคือ

  1. มาตรฐาน GTP ในการคัดเลือกที่มาของเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง เพื่อให้ได้เนื้อเยื่อที่มีคุณภาพสูง ปราศจากเชื้อปนเปื้อน
  2. มาตรฐาน ATMP หรือ US-FDA สำหรับการผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์
  3. มาตรฐาน ISCT ในการตรวจคุณภาพของสเต็มเซลล์ที่สมบูรณ์ เหมาะสม
  4. มาตรฐาน ISO เพื่อรับรองความถูกต้อง ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต
  5. มาตรฐาน GMP ให้ทุกการผลิตมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน

ในปัจจุบันมีการใช้เซลล์บำบัดมาใช้ในการรักษาหรือลดอาการของโรคได้ โดยเฉพาะโรคที่มีการอักเสบต่อเนื่อง เช่น ภูมิแพ้ (Allergy) แพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune disease) โรคตับ โรคเบาหวานชนิด โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคสมองเสื่อม โรคพาร์กินสัน ภาวะเอ็นหรือกล้ามเนื้ออักเสบ ฮอร์โมนแปรปรวน รวมทั้งนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูผิวพรรณและแก้ผมร่วงได้ด้วย

ชั้นผิวหนังบริเวณรูขุมขนของเราจะมี Stem cell กระจุกอยู่ เรียกว่า Stem cell bulge มีหน้าที่ซ่อมแซมผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ผิวสวย แต่นอกจากจำนวน Stem cell จะลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้นแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานยังลดลงด้วย ทำให้ผิวโทรม ผิวไม่แข็งแรง การกระตุ้น Stem cell ด้วยวิธีเซลล์บำบัดจะสามารถเพิ่มจำนวน Stem cell ชั้นผิวหนัง และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Stem cell ได้ และยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังจากการถูกทำร้ายโดยมลภาวะ สารพิษ เครื่องสำอางต่างๆที่ทำลายผิวในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

Growth factor

Growth factor คือโปรตีนที่มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ต่างๆให้เจริญเติบโต ซ่อมแซมตนเอง สร้างสารจำเป็น หรือเจริญไปเป็นเซลล์เฉพาะต่างๆ เช่น กระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวสวย แข็งแรง ช่วยให้เซลล์แบ่งตัวซ่อมแซมบาดแผล กระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนในข้อเข่า หรือกระตุ้นให่รากขนสร้างเส้นขน เส้นผมให้ใหญ่ขึ้น จำนวนเส้นมากขึ้น แข็งแรงขึ้น เป็นต้น

แหล่งที่จะสกัด Growth factor ได้ง่ายและมีคุณภาพคือจากเลือด โดยจะเป็นเลือดของเราเอง หรือเลือดของผู้อื่นก็ได้ หากสกัดจากเลือดของเราเองก็สามารถวางใจได้ถึงความปลอดภัยเนื่องมาจากเป็นเลือดของเราเอง แต่ข้อเสียของการใช้เลือดของตัวเองคือจะไม่สามารถกำหนดและควบคุมชนิดหรือความเข้มข้นของ Growth factor ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาลดลง

ส่วนการใช้สารสกัด Growth factor จากเลือดของผู้อื่น เราจะสามารถตรวจคุณภาพ ชนิดหรือความเข้มข้นของ Growth factor ได้ตรงกับที่เราต้องการ แต่ก็ต้องระวังการปนเปื้อนของสารหรือเชื้อโรคต่างๆ ทำให้ขั้นตอนการผลิต Growth factor จากเลือดของผู้อื่นต้องใช้มาตรฐานที่สูง มีการคัดกรองอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทำให้ค่าใช้จ่ายในการใช้สารสกัด Growth factor จากเลือดของผู้อื่นจึงสูงกว่าสกัดจากเลือดของตนเอง แต่ก็ได้คุณภาพและประสิทธิภาพสูงกว่าเช่นกัน

Growth Factor (สารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์) หรือ PRP (เกล็ดเลือดเข้มข้น)

เลือดมีองค์ประกอบหลักอยู่ 4 อย่าง คือ น้ำเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งภายในเกล็ดเลือดจะมีสารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์อยู่ การนำเกล็ดเลือดมาฉีดเข่าข้อจึงเป็นการฉีดสารกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์เข่า ช่วยให้เซลล์เข่าฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบของเข่าได้ดี ทำให้การซ่อมแซมเข่าเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ เป็นวิธีที่ได้ผลดี ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และมีผลข้างเคียงต่ำ

แต่การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของตัวเองในบางครั้งจะไม่สามารถควบคุมปริมาณของสาร Growth Factor ได้ ในบางคนเกล็ดเลือดอาจมี Growth factor อยู่เจือจาง เมื่อนำเกล็ดเลือดตัวเองมาฉีดจึงไม่เห็นผล ในปัจจุบันจะมีการสกัดสาร Growth factor จากเกล็ดเลือดออกมาเป็นแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีความเข้มข้นของ Growth factor สูงกว่า สามารถควบคุมชนิดและปริมาณให้เหมาะสมกับผู้มีปัญหาข้อเสื่อมได้ดีกว่า

การฉีดด้วย Growth factor แบบสำเร็จรูปจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าและเห็นผลได้ชัดกว่าการใช้เลือดของตนเอง จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมระยะเบาถึงระยะปานกลาง แต่ในรายที่มีข้อเสื่อมระยะปานกลางอาจต้องฉีดต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน และหลังการฉีดสามารถมีอาการปวดบวมอยู่ได้เล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 3 วันหลังฉีด

MSCs (Mesenchymal Stomal/Stem cells) (สเต็มเซลล์)

ระหว่างเด็กกับคนแก่ ใครมีพลังชีวิตมากกว่ากัน ?

สเต็มเซลล์ก็เช่นกัน สเต็มเซลล์จากเด็กแรกเกิดมักจะมีพลังงานและความประสิทธิภาพสูงกว่าสเต็มเซลล์ที่เกิดมานานแล้ว หรือแม้แต่สเต็มเซลล์ของเด็กที่เก็บแช่แข็งไว้เป็นเวลาหลายปีก็เกิดการเสื่อมประสิทธิภาพลงเช่นกัน ในปัจจุบันจึงมีการสกัดสเต็มเซลล์จากเด็กทารก ทั้งเซลล์จากน้ำคร่ำ เนื้อเยื่อสายสะดือ เลือดแรกเกิดในสายสะดือ หรือรกเด็ก ซึ่งเชื่อว่าเป็นสเต็มเซลล์ที่มีอายุน้อย พลังงานสูง และมีความสามารถในการลดการอักเสบและซ่อมแซมร่างกายได้สูงสุด แต่คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าสเต็มเซลล์เองก็มีหลายคุณภาพ ตั้งแต่ราคาถูกไม่กี่หมื่นบาท ไปจนกระทั่งราคาหลักหลายล้านบาท อีกทั้งสเต็มเซลล์จากแหล่งที่ต่างกันก็มีความสามารถที่ต่างกัน ราคาที่แพงขึ้นหมายถึงคุณภาพที่สูงขึ้นตามมา ทั้งคุณภาพในการเก็บเซลล์ คุณภาพในการเพาะเลี้ยงเซลล์ คุณภาพในการคัดเลือกเซลล์ที่ดีที่สุด ที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยจะประสิทธิภาพที่คุ้มค่า

โดยมาตรฐานการผลิตสเต็มเซลล์ที่ดีมี 5 ขั้นตอนหลักคือ

  1. มาตรฐาน GTP ในการคัดเลือกที่มาของเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง เพื่อให้ได้เนื้อเยื่อที่มีคุณภาพสูง ปราศจากเชื้อปนเปื้อน
  2. มาตรฐาน ATMP หรือ US-FDA สำหรับการผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์
  3. มาตรฐาน ISCT ในการตรวจคุณภาพของสเต็มเซลล์ที่สมบูรณ์ เหมาะสม
  4. มาตรฐาน ISO เพื่อรับรองความถูกต้อง ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต
  5. มาตรฐาน GMP ให้ทุกการผลิตมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน

แม้จะเห็นว่าสเต็มเซลล์นั้นมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง แต่ใช่ว่าทุกโรค ทุกอาการจะสามารถใช้สเต็มเซลล์ช่วยได้ เพราะบางครั้งการใช้สารสกัดจากเซลล์ซึ่งมีขนาดเล็กจะสามารถเข้าถึงจุดบาดเจ็บของอวัยวะได้ดีกว่า และช่วยให้อาการดีขึ้นได้ดีกว่าการใช้เซลล์ก็ได้ ดังนั้นการเลือกใช้ชนิดของเซลล์บำบัดให้ถูกต้อง เหมาะสมก็สำคัญเช่นกัน

เซลล์บำบัด
รายการ ราคา
ตั้งแต่ 20 – 39 ล้านเซลล์ ล้านละ 25,000 บาท
ตั้งแต่ 40 ล้านเซลล์ ล้านละ 9,900 บาท
ราคาเต็ม ล้านละ 30,000 บาท