รายละเอียดแพคเกจ
รายละเอียดแพคเกจ

สนใจติดต่อ

@Medtopia 098-9824658

มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคเข่าเสื่อมที่พบได้ประจำ คือ ผู้ป่วยโรคเข่าเสื่อมหรือข้อเสื่อมมักจะซื้อแคลเซีนมเสริมบำรุงกระดูกมากินเพราะเข้าใจว่าเข่าเป็นกระดูกแข็ง แต่แท้จริงแล้วเข่าหรือข้อของเราเป็นกระดูกอ่อนต่างหาก ข้อเกิดจากการที่กระดูกแข็ง 2 ชิ้นมาต่อกันโดยมีกระดูกอ่อนเป็นตัวคั่นกลางระหว่างกระดูกแข็งทั้งสองชิ้น กระดูกอ่อนช่วยรองรับน้ำหนัก ช่วยรับแรงกระแทกแทนกระดูกแข็ง และยังช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแข็งบดกันเอง เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีการใช้เข่าผิดวิธี กระดูกอ่อนจะค่อยๆกร่อนลงเรื่อยๆ ทำให้เกิดอาการขัดในข้อ ขยับข้อแล้วเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บ กระดูกแข็งบดกันเกิดการบาดเจ็บ ข้อปวด อักเสบ จนกระทั่งข้อบวมผิดรูปได้ โรคเข่าเสื่อมหรือข้อเสื่อมจึงเป็นโรคของกระดูกอ่อน เกิดการสึกของกระดูกอ่อน ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอจนเข้าวัยเกษียณจึงจะมีอาการ แต่สามารถเกิดได้ตั้งแต่อายุน้อย ขึ้นกับพฤติกรรมการใข้งานของคนนั้นๆ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ น้ำหนักตัวเกินค่ามาตรฐานทำให้ข้อต้องแบกรับน้ำหนักเกินขีดความสามารถ รวมถึงการดูแลรักษาและการบริหารเข่าด้วยเช่นกัน

ในปัจจุบันเราสามารถพบโรคเข่าเสื่อมหรือข้อเสื่อมได้ก่อนวัยได้มากขึ้น หลายคนเริ่มมีอาการเข่าเสื่อมตั้งแต่ยังอายุไม่มาก หากปล่อยทิ้งไว้ ก็อาจจะพัฒนาเป็นเข่าเสื่อมระยะรุนแรง จนอาจต้องรักษาโดยการผ่าตัด ดังนั้นเราจึงควรทำการดูแลรักษาตั้งแต่ระยะแรก

เข่าเสื่อมสามารถแบ่งได้ 4 ระยะ คือ

  1. ระยะเริ่มต้นในระยะนี้คนไข้อาจจะยังไม่มีอาการปวด แต่สามารถรู้สึกถึงการขัดในเข่า มีเสียงผิดปกติจากเข่า การเคลื่อนไหวลำบาก โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆหรือพับเข่านานๆ ถ้าได้ขยับเคลื่อนไหวสักระยะหนึ่ง อาการขัดจะหายไป และกลับมาขยับได้เป็นปกติ อาการที่เกิดขึ้นมาจากกระดูกอ่อนที่เริ่มสึกเล็กน้อย มีการอักเสบของเยื่อหุ้มรอบๆข้อเข่า แต่ปริมาณกระดูกอ่อนโดยรวมยังดีอยู่ คนไข้ในระยะนี้สามารถลองใช้อาหารเสริมชนิดบำรุงกระดูกอ่อน เสริมสร้างการซ่อมแซมกระดูกอ่อนได้ ถ้ากระดูกอ่อนซ่อมแซมจนกลับมาเป็นปกติก็จะหายจากโรคข้อเสื่อมได้
  2. ระยะเบานอกจากกระดูกอ่อนที่สึกลงแล้ว ยังมีการแตกร้าวของกระดูกอ่อนร่วมด้วย และสามารถพบการแคบลงของรอยต่อภายในข้อเข่า ทำให้รู้สึกปวดเข่าชัดเจนขึ้น อาการขัดในเข่าเป็นมากขึ้น เป็นนานขึ้น ซึ่งอาการอาจจะไม่ดีขึ้นหลังใช้อาหาารเสริมบำรุงกระดูกอ่อน เนื่องจากกระดูกอ่อนมีการแตกร้าวทำให้การซ่อมแซมอาจจะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร การฉีดสารหล่อลื่นเข้าข้อสามารถช่วยลดการขัดและอาการปวดนั้นได้ เหมือนการหยอดน้ำมันหล่อลื่นใส่บานประตูที่ฝืดเคือง เป็นการลดอาการปวดจากปลายเหตุ แต่ไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ ไม่ได้เพิ่มการซ่อมแซมของข้อ คนไข้ในระยะนี้หากต้องการกระตุ้นการซ่อมแซมข้อเข่าอย่างมีประสิทธิภาพ ควรใช้วิธีการฉีดสาร Growth Factor (สารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์) ช่วยกระตุ้นให้กระดูกอ่อนที่แตกร้าวฟื้นฟูกลับมาได้ดีขึ้น
  3. ระยะปานกลางหากปล่อยให้เข่าเสื่อมมากขึ้นจนถึงระยะนี้ จะสามารถพบภาวะกระดูกแข็งงอกผิดรูป สูญเสียเนื้อกระดูกอ่อน และรอยต่อภายในข้อเข่าจะชิดกันมาก ทำให้เกิดการเสียดสีรุนแรงของกระดูกแข็ง เกิดอาการปวดชัดเจน จนอาจต้องใช้ยาแก้ปวดหรือใส่อุปกรณ์สนับเข่าเพื่อบรรเทาอาการ หากใช้อาหารเสริมจะไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการได้อีกต่อไป การฉีดสารหล่อลื่นเข้าข้อ หรือ ฉีดสาร Growth Factor (สารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์) อาจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้บ้าง แต่เนื่องจากปริมาณเนื้อกระดูกอ่อนที่เหลืออยู่น้อยจึงจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเป็นระยะ ตามเวลาที่แพทย์กำหนด หรือสามารถเพิ่มจำนวนกระดูกอ่อนโดยการฉีดเซลล์เพาะเลี้ยงจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เข้าไปในข้อเข่า เพื่อกระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนใหม่ ช่วยซ่อมแซมควาามขรุขระของผิวข้อเข่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับข้อเข่าร่วมด้วยเสมอ การดูแลรักษาจึงจะเป็นผลอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. ระยะรุนแรงหรือเข่าเสื่อมระยะสุดท้าย กระดูกอ่อนที่เหลืออยู่ของข้ออาจจะมีไม่ถึง 30% รอยต่อภายในข้อเข่าแคบจนอาจจะชิดสนิทกัน ทำให้ไม่สามารถพับงอเข่าได้ คนไข้มักมีอาการปวดรุนแรง เดินลำบาก อาจต้องใช้ไม้ประคอง ไม่สามารถนั่งคุกเข่า นั่งพับขา หรือนั่งยองๆ ได้ และสามารถเห็นข้อเข่าผิดรูป เข่าโก่งได้ชัดเจน ใบบางรายอาจพบเศษกระดูกเสื่อมที่แตกออกมา ตกค้างอยู่ภายในข้อ ไปกดเบียดผิวกระดูก ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงในบางครั้ง การรักษาที่เหมาะสมสำหรับเข่าเสื่อมระยะสุดท้ายคือการผ่าตัด ซึ่งมีวิธีการผ่าตัดได้หลายวิธี เช่น การผ่าตัดส่องกล้องเข้าไปตกแต่งกระดูกข้อเข่า ผ่าตัดเปลี่ยนเฉพาะผิวข้อเข่าบางส่วน หรือผ่าตัดข้อเข่าเทียมทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อจะเป็นผู้แนะนำวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมให้แก่คนไข้ได้

ในกรณีที่มีการเสื่อมของข้อจนกระทั่งเกิดอาการข้อบวม เข่าบวม ปวด นั้นเกิดจากการที่เยื่อหุ้มข้อเข่าอักเสบมาก มีการสร้างน้ำอักเสบภายในข้อ ข้อจึงบวมน้ำจนมองเห็นได้จากภายนอก การเจาะน้ำอักเสบออกจากเข่าจะช่วยบรรเทาอาการปวด และลดการบวมของข้อลงได้ ในบางครั้งแพทย์อาจทำการฉีดสารสเตอรอยด์ (Steroid) เพื่อลดการอักเสบของข้อ ทำให้อาการอักเสบปวดบวมกลับมาช้าลง แต่หากไม่รักษาข้อเข่าให้กลับมาเป็นปกติ หลังเจาะน้ำออก ร่างกายก็สามารถเกิดการอักเสบได้ใหม่ และเกิดเข่าบวมได้ใหม่เรื่อยๆ

สาเหตุของโรคข้อเสื่อม มีได้หลายปัจจัย

  1. พันธุกรรมบริเวณข้อประกอบด้วย กระดูกอ่อน เยื่อหุ้มข้อ เป็นหลัก ซึ่งเนื้อเยื่อทั้ง 2 ชนิดนี้มีคอลลาเจนชนิดที่ 2, 9 และ 11 (Collagen type II, IX, XI) เป็นองค์ประกอบ หากใครมีความผิดปกติทางพันธุกรรมของคอลลาเจน ก็จึงอาจแสดงอาการข้อเสื่อมได้
  2. น้ำหนักตัวข้อเป็นอวัยวะที่รับน้ำหนักของร่างกายและต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอด โดยเฉพาะข้อเข่า ที่รองรับน้ำหนักตัวทั้งหมดของเรา ดังนั้นหากมีน้ำหนักตัวสูง เข่าก็ต้องรับภาระแบกน้ำหนักมาก ทำให้เข่าต้องทำงานหนักมากกว่าที่จะรับไหว จึงเกิดเข่าเสื่อมได้ง่ายและเร็วกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวน้อย นอกจากนี้ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก มีปริมาณมวลไขมันสูง เซลล์ไขมันที่มีมากจะสร้างสารอักเสบกระจายไปทั่วร่างกาย ช่วยเร่งให้อาการอักเสบของข้อเป็นเร็วและเป็นมากขึ้นได้ การควบคุมน้ำหนัก หรือการลดน้ำหนักจึงสามารถช่วยป้องกันหรือลดอาการขอโรคข้อเสื่อมลงได้
  1. การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบริเวณรอบๆข้อเข่าของคนเราจะมีกล้ามเนื้อหลายมัดที่มาช่วยรองรับน้ำหนัก หากกล้ามเนื้อดังกล่าวอ่อนแรงลง ก็เหมือนผู้ช่วยของเข่าทำงานน้อยลง เข่าต้องแบกรับภาระมากขึ้นกว่าปกติ เข่าจึงเสื่อมได้ง่ายขึ้น การบริหารเข่าเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบเข่า ทำให้ผู้ช่วยของเข่าทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เข่าจึงจะมีผู้ช่วยแบ่งเบาภาระ มีกำลังไปซ่อมแซมตนเองได้มากขึ้น
  2. การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการใช้งานไม่ถูกวิธีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการใช้งานไม่ถูกวิธีมีหลากหลาย เช่น นักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อ ผู้ที่เคยถูกกระแทกบริเวณข้อ หรือคนที่งอเข่าประจำ นั่งยองๆเป็นประจำ ก็จะมีโอกาสเกิดข้อเสื่อมได้เร็วกว่าคนทั่วๆไป

ตัวช่วยดูแลรักษาและป้องกันข้อเข่าเสื่อม

  1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
    • Undenatured Collagen Type II (คอลลาเจนชนิดที่ 2 แบบยังไม่เสื่อมสภาพ)
      กระดูกอ่อนและเยื่อหุ้มข้อ มีคอลลาเจนเป็นองค์ประกอบ แต่คอลลาเจนในร่างกายคนเรานั้นมีมากถึง 27 ชนิด ในอวัยวะแต่ละชนิดก็มีชนิดคอลลาเจนเฉพาะเจาะจงของตนเอง หากต้องการดูแลอวัยวะส่วนไหน ก็ต้องเลือกใช้ชนิดคอลลาเจนให้ถูกต้อง โดยคอลลาเจนหลักของข้อจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen type II) นอกจากนี้คอลลาเจนเป็นสารอาหารประเภทโปรตีน ในขบวนการผลิตอาจถูกความร้อนหรือสารเคมีทำให้เสื่อมสภาพได้ จึงควรเลือกเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่ยังไม่เสื่อมสภาพ จึงจะมีประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาได้ดีกว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 แบบทั่วไป
    • Glucosamine – ยังไม่ได้หาข้อมูล
    • Chondroitin – ยังไม่ได้หาข้อมูล
    • Methyl Sulfonyl Methane – ยังไม่ได้หาข้อมูล
  2. สารหล่อลื่นเข่า หรือ น้ำไขข้อเทียม
    เป็นการฉีดสารสกัดกรดไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic acid) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำเลี้ยงข้อเข่าในธรรมชาติ ช่วยหล่อลื่นและดูดซับแรงกระแทกให้กับกระดูกอ่อน ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการปวดและอาการขัดของข้อ เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมระยะต้นถึงระยะปานกลาง โดยฉีดอาทิตย์ละ 1ครั้ง แต่จำเป็นต้องฉีดติดกันต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง จึงจะเห็นผล
  3. Growth Factor (สารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์) หรือ PRP (เกล็ดเลือดเข้มข้น)
    เลือดมีองค์ประกอบหลักอยู่ 4 อย่าง คือ น้ำเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งภายในเกล็ดเลือดจะมีสารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์อยู่ การนำเกล็ดเลือดมาฉีดเข่าข้อจึงเป็นการฉีดสารกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์เข่า ช่วยให้เซลล์เข่าฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบของเข่าได้ดี ทำให้การซ่อมแซมเข่าเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ เป็นวิธีที่ได้ผลดี ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง และมีผลข้างเคียงต่ำ
    แต่การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของตัวเองในบางครั้งจะไม่สามารถควบคุมปริมาณของสาร Growth Factor ได้ ในบางคนเกล็ดเลือดอาจมี Growth factor อยู่เจือจาง เมื่อนำเกล็ดเลือดตัวเองมาฉีดจึงไม่เห็นผล ในปัจจุบันจะมีการสกัดสาร Growth factor จากเกล็ดเลือดออกมาเป็นแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีความเข้มข้นของ Growth factor สูงกว่า สามารถควบคุมชนิดและปริมาณให้เหมาะสมกับผู้มีปัญหาข้อเสื่อมได้ดีกว่า
    การฉีดด้วย Growth factor แบบสำเร็จรูปจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าและเห็นผลได้ชัดกว่าการใช้เลือดของตนเอง จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมระยะเบาถึงระยะปานกลาง แต่ในรายที่มีข้อเสื่อมระยะปานกลางอาจต้องฉีดต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้งจึงจะเห็นผลชัดเจน และหลังการฉีดสามารถมีอาการปวดบวมอยู่ได้เล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการไม่เกิน 3 วันหลังฉีด
  4. การฉีดเซลล์เพาะเลี้ยงจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
    Growth Factor (สารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์) จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีเซลล์ให้กระตุ้น แต่ถ้าในคนที่ไม่มีเซลล์กระดูกอ่อนเหลืออยู่ หรือมีปริมาณสเต็มเซลล์เหลืออยู่น้อยมาก ถึงจะฉีด Growth factor ไปแล้ว Growth factor ก็ไม่สามารถทำงานได้ เพราะไม่เหลือเซลล์ให้ไปกระุต้นอีกต่อไป ในกรณีนี้เราจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเซลล์ที่ดีให้กับข้อเข่า จึงมีการพัฒนาการเลี้ยงเซลล์เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ แล้วนำมาฉีดเข้าข้อเข่าให้กับคนไข้ เป็นการเพิ่มจำนวนเซลล์ที่แข็งแรงให้ข้อเข่า ให้มีเซลล์ที่สามารถมาซ่อมแซม ฟื้นฟูเข่ามากขึ้น
    เมื่อฉีดเซลล์เพาะเลี้ยงแล้ว สามารถฉีด Growth factor ไปกระตุ้นให้เซลล์เพาะเลี้ยงในเข่าของเราเจริญเติบโตได้ดี ช่วยมาซ่อมแซมเข่าให้ดีขึ้น เป็นการช่วยฟื้นฟูเข่าจากต้นเหตุ ลดอาการปวดได้ในระยะยาว
    แต่ภายหลังการฉีดเซลล์เพาะเลี้ยง ก็ยังจำเป็นต้องดูแลรักษาเข่า ทำกายภาพบำบัด เสริมความแข็งแรงให้เข่าอยู่เป็นประจำ เพราะหากใช้เข่าไม่ถูกวิธี เซลล์ที่ฉีดเข้าไปแล้วก็สามารถตายได้เช่นกัน
  5. ลดน้ำหนัก
    น้ำหนักตัวของเราเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเข่าทั้ง 2 ข้าง การลดน้ำหนักตัวลดได้ 10 % จะช่วยให้เข่าทำงานลดลง เกิดการกดทับน้อยลง มีการเสียดสีน้อยลง มีช่องว่างระหว่างข้อมากขึ้น หรือก็คือข้อเข่าสบายตัวขึ้นนั่นเอง
    แต่ในผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมจะมีปัญหาในการออกกำลังกาย เนื่องจากไม่สามารถเคลื่อนไหวเข่าได้ดังใจนึก และยังเกิดอาการปวดเวลาออกกำลังกายได้ง่าย การลดน้ำหนักจึงเป็นเรื่องยาก คำแนะนำในปัจจุบันจะเป็นการออกกำลังกายในน้ำ ให้น้ำชวยพยุงน้ำหนักตัวขณะออกกำลังกาย จะเป็นการว่ายน้ำ หรือการเดินในน้ำก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้การปรับฮอร์โมนช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมของไขมันและน้ำตาล ก็จะสามารถช่วยให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้รวดเร็ว และปลอดภัย
  6. สนับเข่า หรือ ตัวช่วยประคองเข่า หรือ อุปกรณ์พยุงเข่า
    จะช่วยทำงานแทนกล้ามเนื้อรอบเข่า กระชับเข่า ช่วยรับน้ำหนักให้เข่าได้เล็กน้อย และยังช่วยจำกัดการเคลื่นไหวของเข่า ไม่ให้เข่าค้างในท่าที่ไม่ควรอยู่นานเกินไป การใส่ตัวช่วยประคองเข่าให้ได้ผลต้องเลือกเซส์ให้ถูกต้อง กระชับแน่นพอดีเข่า ไม่หลวมจนเกินไป และต้องใส่ให้ถูกต้อง ถูกด้าน และควรใส่เวลาที่มีการใช้งานเข่าหนัก เช่น เวลายืน เดิน โดยเฉพาะช่วงบ่ายของวัน แต่ให้ถอดเวลานั่งพัก หรือนอน ให้ขาได้ใช้งานกล้ามเนื้อตัวเองบ้าง หากใส่ตลอดเวลาจะทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้ใช้งาน และอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลงได้
  7. ออกกำลังบริหารเข่า
    เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อรอบเข่า โดยให้นั่งบนเก้าอี้ หลังชนิดผนัง เหยียดเข่าให้ขาตรงสุด ยกให้ต้นขาลอยจากเก้าอี้เล็กน้อย เกร็งเข่าค้างไว้ท่านี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ถ้าสามารถทำได้ถึง 60 วินาทีจะดีมาก) ค่อยๆลงลดเข่าลงเมื่อครบเวลา แล้วค่อยเหยียดอีกข้างแบบเดียวกัน สำคัญคือต้องทำทีละข้างสลับกัน ข้างละ 10-15 ครั้ง ทุกเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน รวมวันละ 4 เวลา ถ้าสามารถทำได้คล่องแล้วสามารถเพิ่มน้ำหนักบริเวณข้อเท้า เป็นการเพิ่มความยากในการบริหารเข่าได้ด้วย
  8. กายภาพบำบัด
    การทำกายภาพบำบัดเข่าทำได้หลายวิธี เช่น การยืดเหยียด การดัดดีงข้อเข่า การใช้คลื่นเสียง (Ultrasound therapy) กระตุ้นข้อเข่า ช่วยเร่งกระบวนการซ่อมแซมเนื้เยื่อภายในเข่า การใช้เลเซอร์ประคบเข่า หรือการอบเข่าด้วยเครื่องกำเนิดความร้อนลึกด้วยคลื่นสั้น (Shortwave therapy) การรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation) เป็นต้น
  9. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจเกิดการบาดเจ็บของเข่า หรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดแรงกดข้อเข่า เช่น การนั่งพับเพียบ การนั่งยองๆ การเดินลงบันได (การเดินลงบันไดอาจทำให้เข่าเสื่อมได้มากขึ้น แต่การขึ้นบันไดเป็นการช่วยบริหารเข่า เราจึงควรเดินขึ้นบันได แต่ลงลิฟท์ ไม่เดินลงบันได) เป็นต้น
โปรแกรมแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อมระยะต้น-เบา
รายการ ราคา
อาหารเสริมบำรุงเข่า Joint Support 3 กระปุก 4,500 บาท
ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเข่า Hyalgan 3 เข็ม 10,000 บาท
ฉีด Growth Factor สำเร็จรูป 3 ครั้ง 29,700 บาท
ราคาเต็ม 44,200 บาท
พิเศษซื้อยกแพค 35,360 บาท (ลด 20%)

*ดูแลรักษาและฉีดเข่าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ

โปรแกรมแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อมระยะปานกลาง
รายการ ราคา
อาหารเสริมบำรุงเข่า Joint Support 6 กระปุก 9,000 บาท
ฉีดน้ำหล่อเลี้ยงเข่า Hyalgan 3 เข็ม 10,000 บาท
ฉีด Growth Factor สำเร็จรูป 3 ครั้ง 29,700 บาท
ฉีดเซลล์เพาะเลี้ยง MSCs 1 ครั้ง 150,000 บาท
ราคาเต็ม 198,700 บาท
พิเศษซื้อยกแพค 139,090 บาท (ลด 30%)

แถมฟรี IV drip x 2 ครั้ง มูลค่า 12,000   บาท

*ดูแลรักษาและฉีดเข่าโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ

สนใจติดต่อ

@Medtopia 098-9824658