BONE STRENGTHENING : เสริมสร้างความแข็งแรงแก่กระดูก

มวลกระดูกของเราจะหนาแน่น แข็งแรง สูงสุดที่ช่วงอายุ 25-30 ปี แล้วจะค่อยๆ บางลงเรื่อยๆ ตามช่วงอายุ และระดับฮอร์โมนของแต่ละคน ดังนั้นการมีมวลกระดูกมากในขณะที่อายุยังน้อยย่อมดีกว่า แต่ถ้าเลยช่วงอายุมาแล้ว การเพิ่มมวลกระดูกนั้นทำได้ค่อนๆ ข้างยาก เนื่องจากต้องเอาชนะการสลายตัวของกระดูกตามธรรมชาติให้ได้ มวลกระดูกจึงจะเพิ่มขึ้นได้

การรักษากระดูกบาง และกระดูกพรุน ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดที่รับประกับว่าสามารถเพิ่มมวลกระดูกได้แน่นอน ส่วนใหญ่ใช้เพื่อชะลอการบางตัวของกระดูก และลดโอกาสเกิดแตกหักของกระดูก เนื่องจากกระบวนการสร้างกระดูกนั้นไม่ได้ใช้แค่แคลเซียม หรือวิตามินดีเพียงเท่านั้น แต่ยังต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมายร่วมกัน

Protetite

แคลเซียมพิเศษสำหรับกระดูก ขนาดเล็กระดับนาโน มีความเหมือนกันโมเลกุลของกระดูกเรา ตรงเข้าไปสะสมในกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Protetite, The Special Bone Calcium (แคลเซียมพิเศษสำหรับกระดูก)

แคลเซียมเสริมทั่วไปในท้องตลาด เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะถูกดูดซึมได้เพียง 10 % เท่านั้น เช่น กินขนาด 1000 mg จะถูกดูดซึมเพียง 100 mg และหลงเหลืออีก 900 mg ตกค้างอยู่ในลำไส้ สามารถทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ปวดท้อง หรือลำไส้อักเสบได้ อีกทั้ง 100 mg ที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดก็ไม่ได้ไปสะสมที่กระดูก แต่เดินทางไปทั่วร่างกาย ไปสะสมยังที่ต่างๆทั่วร่างกาย ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าแคลเซียมที่กินเข้าไปจะเข้าสู่กระดูกสักกี่ mg

จะดีกว่ามั้ย…? ถ้ามีแคลเซียมที่ดูกซึมได้ดี และเข้าไปสะสมในกระดูกได้ทั้งหมด

Protetite คือแคลเซียมแบบพิเศษที่จับกับคอลลาเจนและแมกนีเซียมแล้ว ทำให้รูปร่างโมเลกุลของ Protetite มีความเหมือนกันโมเลกุลของกระดูกเรา ตรงเข้าไปสะสมในกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีขนาดเล็กระดับนาโน สามารถดูดซึมได้ตั้งแต่ในกระเพาะ และคอลลาเจนยังสามารถเพิ่มการดูดซึมของ Protetite ให้มากขึ้นด้วย

Vitamins for Bone Health

ทำงานหนักทั้งวันยิ่งต้องหมั่นหาเวลาดูแล 3 วิตามินสำคัญในการสร้างกระดูก, วิตามิน ซี ดี3 และ เค2 เสริมภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

3 key Vitamins for Bone Health (C, D3, K2) (3 วิตามินสำคัญในการสร้างกระดูก, วิตามิน ซี ดี3 และ เค2)

Vitamin C มีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงร่างหลักของกระดูก ไว้สำหรับให้แร่ธาตุต่างๆมาเกาะจนแข็งตัวเป็นกระดูก

Vitamin D3 เป็นวิตามินที่คนเราสามารถสร้างได้เองตามธรรมชาติที่ผิวหนังเมื่อถูกแดดจ้า (คนไทยมีความเข้าใจที่ผิดมานานว่าควรตากแดดตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายสร้างวิตามินดี แต่ความจริงแล้วเราจะสร้างวิตามินดีได้มากเมื่อตากแดดจ้า ช่วง 10.00-14.00 น. โดยช่วงเที่ยงคือเวลาที่ดีที่สุด) แต่การสร้าง Vitamin D3 จะลดลงเรื่อยๆตามความแข็งแรงของผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังเสื่อมสภาพ ก็จะไม่สามารถสร้าง Vitamin D3 ได้อีก นอกจากนี้วิตามินเสริมที่ขายในท้องตลาดยังเป็น Vitamin D2 ที่ได้จากพืช แต่ไม่พบในร่างกายมุนษย์ตามธรรมชาติ มีการออกฤทธิ์ต่ำมาก และแทบไม่เพิ่มระดับวิตามินดีในร่างกายเลย เราจึงควรเลือกรับประทานอาหารเสริมในรูป Vitamin D3 มากกว่า เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่ การสะสมแคลเซียมในกระดูก และลดการสลายกระดูก

Vitamin K2 ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในเมืองไทยสักเท่าไร แต่เป็นที่นิยมมากในอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจาก Vitamin K2 มีประโยชน์ต่อการสร้างกระดูกอย่างมาก ไม่แพ้ Vitamin D3 คือกระตุ้นการสร้างใหม่ของกระดูก เพิ่มฤทธิ์การทำงานของเอนไซม์สร้างกระดูก กระตุ้นการสะสมของแร่ธาตุทั้งในคอลลาเจนและรอบนอกคอลลาเจน ทำให้กระดูกแข็งแรง ไม่เปราะแตกง่าย กดการทำงานของเซลล์สลายกระดูก จึงช่วยลดการทำลายกระดูกได้ และยังพบประโยชน์ของการใช้ Vitamin K2 ร่วมกับ Vitamin D3 ที่จะช่วยลดการสะสมของแคลเซียมที่ผนังหลอดเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดการตีบตันของหลอดเลือด

Minerals

ยังมีแร่ธาตุอีกมากมายที่กระดูกต้องการ หากมีเฉพาะแคลเซียมเพียงอย่างเดียว ร่างกายจะไม่สามารถสร้างกระดูกได้ หรือสร้างได้แต่กระดูกไม่แข็งแรง

Not only Calcium, But Many Other Minerals (นอกจากแคลเซียมแล้ว ยังมีแร่ธาตุอีกมากมายที่กระดูกต้องการ)

ถ้าพูดถึงแร่ธาตุสำหรับกระดูกก็มักจะนึกถึงแต่แคลเซียม เนื่องจากแคลเซียมเป็นแร่ธาตุหลักของกระดูก แต่หากมีเฉพาะแคลเซียมเพียงอย่างเดียว ร่างกายก็ไม่สามารถสร้างกระดูกได้ หรือสร้างได้แต่กระดูกไม่แข็งแรง เปราะแตกง่าย แร่ธาตุอื่นๆที่ร่างกายต้องการเช่นกัน แต่ต้องการในประมาณน้อย ได้แก่

No Hormone, No Bone

ไม่มีฮอร์โมน กระดูกไม่สร้าง หากไม่มีฮอร์โมนเป็นตัวสั่งการ เซลล์ของเราไม่เริ่มทำงาน สารอาหารที่มีอยู่ก็จะค้างในกระแสเลือด ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

No Hormone, No Bone (ไม่มีฮอร์โมน กระดูกไม่สร้าง)

สารอาหารต่างๆจำเป็นในการสร้างกระดูกก็จริง แต่ฮอร์โมนต่างหากที่สำคัญที่สุด เนื่องจากฮอร์โมนจะเป็นตัวสั่งใหร่างกายเริ่มสร้างกระดูก เซลล์ของเราจึงจะดึงเอาสารอาหารต่างๆมาใช้ หากไม่มีฮอร์โมนเป็นตัวสั่งการ เซลล์ของเราไม่เริ่มทำงาน สารอาหารที่มีอยู่ก็จะค้างในกระแสเลือด ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

สตรีเมื่อหมดประจำเดือน โรคกระดูกพรุนจะถามหาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการขาดฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้ที่มีต้นทุนมวลกระดูกน้อย เปรียบเสมือนมีเงินเก็บก่อนเกษียณน้อย หลังหยุดทำงานไม่นาน เงินก็จะหมดไป และถึงแม้จะใช้สารอาหารเสริมมากมายเพียงใด โอกาสที่กระดูกจะหนาขึ้นได้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กลับกันในผู้ที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน พบกว่ามวลกระดูกหนาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกแตกหักได้อย่างชัดเจน

สำหรับผู้ชาย ไม่มีวัยทอง แต่ใช่ว่าฮอร์โมนจะไม่ลดลง เพียงแต่ผู้ชายไม่มีอาการให้สังเกตและฮอร์โมนลดระดับลงช้าๆ ไม่ได้ลดฮวบหายไปทันทีเหมือนผู้หญิง จึงไม่รู้ตัวว่าฮอร์โมนของตนนั้นขาดหรือยัง ในผู้ที่ฮอร์โมนลดลงช้าและน้อยก็จะไม่เกิดปัญหากระดูกบางหรือกระดูกพรุน แต่ใครที่ฮอร์โมนลดต่ำมากก็สามารถเกิดปัญหากระดูกได้เช่นกัน

การออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์กับทั้งชายและหญิง การออกกำลังกายจะไปกระตุ้นการสร้างกระดูกแทนฮอร์โมนที่ลดลง และยังช่วยเพิ่มการสร้างฮอร์โมนให้ร่างกายได่ด้วย หากออกกำลังกายอย่างเพียงพอทั้งความแรงและระยะเวลา

  • เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 5-15 ปี
  • เหมาะสำหรับหนุ่มสาววัยทำงาน
  • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ วัยทอง