รายละเอียดแพคเกจ

สนใจติดต่อ

@Medtopia 098-9824658

Allergy (ภูมิแพ้)

ภูมิแพ้เป็นโรคที่มีความอันตรายน้อยแต่น่ารำคาญมาก ทำให้ผู้คนที่ต้องใช้ชีวิตลำบากจากอาการไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หายใจไม่ออก คันตา ผื่นแดงคันผิวหนัง ซึ่งอาการของโรคดูเหมือนจะเป็นมากขึ้น รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในระยะ 30 ปีมานี้พบอัตราการเกิดโรคภูมิแพ้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง  อาจมีผลมาจากมลภาวะในสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น เช่น PM2.5 ที่เวียนกลับมาเยี่ยมเยียนคนไทยทุกๆปี ปีละหลายๆเดือน หรือการปนเปื้อนของสารพิษในแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร รวมถึงเชื้อโรคที่แอบซ่อนอยู่ตามที่อยู่อาศัย ห้าง ออฟฟิศ ร้านค้าต่างๆ ก็มีส่วนทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลงได้

ที่จริงแล้วนั้นอาการภูมิแพ้เกิดมาจากเม็ดเลือดขาวในร่างกายของเราพยายามที่จะปกป้องเราจากสิ่งต่างๆที่เข้ามาสัมผัสร่างกาย โดยการหลั่งสารเคมีออกมาทำลายสิ่งเหล่านั้น แต่บางครั้งเม็ดเลือดขาวมีปฏิกิริยากับสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายและหลั่งสารเคมีออกมาก็มีปริมาณมากเกินไป เกิดการอักเสบตามอวัยวะต่างๆ ทำให้เรามีอาการภูมิแพ้เกิดขึ้น โดยสารเคมีที่มักถูกหลั่งออกมาคือ สาร Histamine (ฮีสตามีน) ยาแก้แพ้นั้นมีฤทธิ์กดการหลั่งสาร Histamine เมื่อเรากินยาแก้แพ้จึงทำให้อาการดีขึ้น เพราะเม็ดเลือดขาวไม่สามารถหลั่ง Histamine ออกมาได้

ต้นเหตุที่แท้จริงของภูมิแพ้

จะเห็นได้ว่าต้นเหตุที่แท้จริงของภูมิแพ้เกิดมาจาการทำงานที่ผิดเพี้ยนไปของเม็ดเลือดขาว ที่ทำงานมากเกินไป และพยายามกำจัดสิ่งที่ไม่ใช่ศัตรูของเรา (แต่น่าแปลกที่เวลาเราติดเชื้อโรคซึ่งเป็นศัตรูอันตรายที่แท้จริง บางครั้งเม็ดเลือดขาวก็ไม่ค่อยยอมออกมาทำงานสักเท่าไร กลายเป็นว่าเม็ดเลือดขาวทำงานที่ไม่ควรทำ แล้วไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเองจริงๆ) ดังนั้นถ้าเราสามารถปรับการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้กลับมาเป็นปกติได้ ก็จะสามารถช่วยลดอาการภูมิแพ้ลงได้

แล้วอะไรบ้างละที่เป็นสาเหตุทำให้เม็ดเลือดขาวของเราทำงานเพี้ยนไป…..?

  1. พันธุกรรม – คนไข้บางคนมีพันธุกรรมที่ทำให้เกิดอาการภูมิ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับมาจากพ่อแม่และสามารถส่งต่อสู่ลูกหลานของตนเองต่อไป โดยคนกลุ่มนี้มักจะมีอาการภูมิแพ้ตั้งแต่เด็กๆ สามารถเริ่มมีอาการตั้งแต่เป็นทารก บางคนมีอาการทั้งชีวิต แต่ถ้าโชคดีอาการอาจจะเบาลงเมื่อเข้าสู่วัยทำงาน
  2. สารพิษ – มลภาวะต่างๆในปัจจุบันทำให้เซลล์ของเราทำงานเพี้ยนไป สารพิษไม่ได้มาให้เราเห็นเป็นชิ้นๆ แต่มันแฝงอยู่ในสิ่งแวดล้อม ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น โลหะหนัก มลภาวะทางอากาศ ควันดำรถ ควันอุตสาหกรรม PM2.5 สารเคมีทางอุตสาหกรรม สารเคมีทางการเกษตร ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าศัตรูพืช ยาฆ่าเชื้อรา ปุ๋ยเคมี พลาสติกต่างๆ Microplastic สารเคมีทางการแพทย์ที่ปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำ รวมถึงสารพิษทั่วไปที่เราเผชิญอยู่เป็นประจำ คือ เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถรบกวนการทำงานของเซลล์ในร่างกายเราได้โดยไม่รู้ตัว การสะสมของสารพิษใช้เวลายาวนานหลายปี ในขณะที่ปริมาณสารพิษยังสะสมไม่มาก เราอาจจะยังไม่มีอาการใดๆ แต่อย่าลืมว่าเราเริ่มสะสมสารพิษตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก กล่าวคือ ร่างกายของเราเริ่มสะสมสารพิษตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา หากมารดาได้รับสารพิษ สารพิษบางชนิดก็สามารถส่งผ่านรกไปยังลูกในครรภ์ได้ เช่น โลหะหนัก ปรอท ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการออกคำแนะนำมารดาที่ตั้งครรภ์ให้หลีกเลี่ยงการกินปลาบางชนิด เนื่องจากปลาทะเลบางชนิดมีการสะสมของสารปรอทในเนื้อปลา การกินเข้าไปก็อาจได้รับสารปรอทและส่งต่อสู้ลูกในครรภ์ได้
  3. การอักเสบของลำไส้และจุลินทรีย์ในลำไส้ – มีหลักฐานงานวิจัยมากมายที่บ่งชี้ว่าสุขภาพของลำไส้นั้นเกี่ยวโยงกับการทำงานของภูมิคุ้มกันโดยตรง หากมีการอักเสบของลำไส้ จะเกิดการกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกับทำงานแปรปรวน ซึ่งสาเหตุของการอักเสบของลำไส้เป็นไปได้หลากหลาย ที่พบบ่อยคือ จุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล ซึ่งอาจเกิดจากการมีปริมาณจุลินทรีย์น้อยเกินไป หรือมากเกินไปก็ได้ 
  4. ภูมิแพ้อาหารแฝง – บางครั้งอาการแพ้ก็ไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนเสมอไป การแพ้อาหารแฝงจึงเป็นปัญหาที่คนไข้ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน เมื่อกินอาหารที่แพ้แฝง จะเกิดการอักเสบของลำไส้ชนิดไร้อาการปวด การอักเสบของลำไส้เป็นประจำสามารถทำให้เซลล์เยื่อบุลำไส้อ่อนแอ หรือสลายตัว จนเกิดภาวะที่เรียกว่าลำไส้รั่ว (Leaky gut) ทำให้เยื่อบุลำไส้มีช่องว่าง มีรูรั่ว สารแปลกปลอมต่างๆสามารถลอดผ่านรูรั่วเข้าสู๋กระแสเลือด ทำให้เกิดอาการแพ้คล้ายภูมิแพ้ นอกจากนี้การอักเสบของลำไส้ยังไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันทำงานแปรปรวนมากขึ้น และทำให้จุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้มีจำนวนลดลง สูญเสียความสมดุลของลำไส้ในระยะยาว
  5. การขาดสารอาหาร – สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไม่ได้มีแค่ แป้ง โปรตีน ไขมัน เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิตามินและเกลือแร่อีกหลากหลายชนิด จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่าอาหารในปัจจุบันอุดมไปด้วยแคลอรี่ คือมีแป้ง โปรตีน ไขมัน อย่างเต็มที่ แต่กลับมีปริมาณวิตามินและเกลือแร่ต่ำ การบริโภคอาหารโดยทั่วไปจึงทำให้ได้แต่แคลอรี่ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อวบอ้วน แต่ความจริงแล้วร่างกายขาดสารอาหาร โหยหาวิตามินและเกลือแร่โดยไม่รู้ตัว จึงมีการเรียกสภาวะการขาดวิตามินและเกลือแร่แฝงนี้ว่า Hidden Hunger และวิตามินที่พบว่ามีความสำคัญยิ่งยวด ช่วยควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้เป็นปกติ คือ วิตามินดี3 (Vitamin D3) ซึ่งจากข้อมูลสถิติ 50-70% ของคนไทยขาดวิตามินดี3 !! (%ขึ้นกับพื้นที่)
  6. ขาดฮอร์โมน – หลายๆคนมีวัยเด็กที่แข็งแรง แต่เริ่มมีอาการภูมิแพ้เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงฮอร์โมนตก เช่น ช่วงอายุ 30, 40, วัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนสามารถส่งผลต่อการทำงานของภูมิคุ้มกันได้ โดยพบว่า หากมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูง และ โปรเจสเตอโรน (Progesterone) ต่ำ มักก่ออาการภูมิแพ้ หรือในผู้ที่มีปัญหาต่อมไทรอยด์ก็สามารถเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นได้ หรือคนที่มีภาวะฮอร์โมนเครียด (Cortisol) ไม่สมดุล ก็ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้มากขึ้นเช่นกัน
  7. ความเครียดและการพักผ่อนน้อย – อันที่จริงแล้วการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายถือเป็นความเครียดแบบหนึ่ง เรียกว่า ความเครียดทางร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมความเครียดอีกชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า ความเครียดทางจิตใจ ก็สามารถกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวทำงานมากขึ้นได้เช่นกัน นอกจากนี้ความเครียดแฝงก็ยังทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลงได้เช่นกัน โดยความเครียดแฝงคือความเครียดของร่างกาย แต่ไม่ก่อความเครียดทางจิดใจ เช่น การนอนดึกเพราะดูซีรีย์อาจไม่ทำให้เรารู้สึกเครียด แต่การนอนดึกทำให้ร่างกายทำงานหนัก ถือเป็นความเครียดของร่างกาย หรือการไม่กินอาหารเช้าเป็นประจำ แม้มันจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเครียด แต่ร่างกายเราไม่ชอบแน่ๆ หรือการมีฟันผุไม่รู้ตัวก็ถือเป็นความเครียดของร่างกาย การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เป็นเวลา ทำให้นาฬิกาชีวิตเพี้ยนไป ก็เป็นความเครียดร่างกายที่จะทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลงได้เช่นกัน
  8. เชื้อโรคบางชนิด – ที่อยู่อาศัย ที่ทำงานของเราไม่ได้สะอาดเอี่ยมหมดจด แต่มักจะมีเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียแอบซ่อนอยู่ ตามมุมอับ ที่มีความชื้น หรือเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ นอกจากเชื้อราจะสามารถก่อภูมิแพ้เรื้อรังได้แล้วยังพบความสัมพันธ์กับการเกิดโรคภูมิแพ้ทำลายตัวเองและโรคลำไส้อักเสบแปรปรวนเรื้อรังได้อีกด้วย

 

การเกิดภูมิแพ้ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง แต่เกิดจากหลายๆปัจจัยร่วมกัน การรักษาหรือควบคุมอาการภูมิแพ้จึงควรดูแลแบบการแพทย์บูรณาการ คือแก้ไขป้องกันที่สาเหตุหลายๆทางพร้อมกัน การกินยาแก้แพ้จึงเป็นเพียงการรักษาตามอาการ แก้อาการชั่วคราวเท่านั้น

 

รักษาภูมิแพ้ กินยาแก้แพ้มาตลอด แต่ยังไม่เคยตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมมาก่อน สามารถตรวจอะไรได้บ้าง ?

  • OligoScan ตรวจปริมาณโลหะหนักและเกลือแร่โดยวิธีส่องแสง สามารถบอกระดับสารพิษโลหะหนักในเนื้อเยื่อได้ 00000 ชนิด และบอกระดับเกลือแร่ได้อีก 00000 ชนิด บลาๆๆๆ (ลองดูเนื้อหาของ OligoScan ที่เคยเขียนลงเว็บไซต์และ Facebook มาใส่เพิ่ม)
  • Urine organic ตรวจหาสารชีวโมเลกุลและสารพิษชนิดเคมีจากปัสสาวะ การตรวจสารพิษจำพวกยาฆ่าแมลง หรือพลาสติกสะสมในร่างกายยังไม่สามารถตรวจจากเลือดหรือเนื้อเยื่อได้ แต่ร่างกายของเรามีความพยายามในการกำจัดสารพิษด้วยตัวเองอยู่บ้าง จึงสามารถพบสารพิษเจือจางได้ในปัสสาวะในผู้ที่มีการสะสมสารพิษในร่างกายปริมาณมาก แต่ในผู้ที่มีสารพิษสะสมน้อยก็อาจตรวจไม่พบสารพิษจากปัสสาวะ
  • Food IgG Sensitivity test การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง เพื่อการวางแผนปรับอาหารให้เข้ากับร่างกายของเรา หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดลำไส้อักเสบได้อย่างถูกต้อง
  • GI Effect การตรวจสุขภาวะของลำไส้ผ่านการวิเคราะห์อุจจาระขั้นสูงแบบเจาะลึก แสดงผลตั้งแต่ ระบบการย่อยอาหาร ความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สภาพความแข็งแรงของลำไส้ ระดับการอักเสบของลำไส้ ชนิดและปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ จนถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโปรตัวซัวในลำไส้ โดยใช้เทคนิคการตรวจหาพันธุกรรมของเชื้อจากอุจจาระ จึงสามารถตรวจจับการติดเชื้อได้อย่างแม่นยำ
  • Vitamin D level ตรวจระดับวิตามินดี ซึ่งเป็นวิตามินที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาว
  • MicroNutrient Profile ตรวจระดับวิตามิน เกลือแร่ และสารต้ามอนุมูลอิสระในเลือด ช่วยบอกการขาดหรือเกินของสารอาหารแต่ละชนิดในร่างกาย ทำให้สามารถเลือกกินอาหารเสริมได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะร่างกายของตนเอง
  • Hormone Level ตรวจระดับฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย ซึ่งสามารถเลือกตรวจฮอร์โมนได้หลายชนิด เช่น ฮอร์โมนเครียด (cortisol) ฮอร์โมนต้านเครียด (DHEA) ฮอร์โมนเพศ (Estradiol Progesterone Biavailable Testosterone) ฮอร์โมนไทรอยด์ (THS, Free T3, Free T4) ความแข็งแรงของต่อมไทรอยด์ ภูมิคุ้มกันทำลายต่อมไทรอยด์ (Anti-TG, Anti-TPO) หากพบว่ามีระดับฮอร์โมนไม่สมดุล แพทย์จะสามารถช่วยวางแผนการปรับฮอร์โมน หรือพิจารณาใช้ฮอร์โมนเสมือนธรรมชาติทดแทน เพื่อช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงและทำงานเป็นปกติ

 

วิธีการล้างสารพิษง่ายๆที่สามารถทำได้เลย

  1. Colon Hydrotherapy (Closed system) การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำบริสุทธิ์ด้วยระบบปิด ควบคุมแรงดันและอุณหภูมิของน้ำเพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพการล้างลำไส้สูงสุด สามารถล้างลำไส้ได้จนสุดปลายไส้ติ่ง ลดสารพิษ คราบของเสียสะสมในลำไส้ และยังช่วยลดปริมาณเชื้อก่อโรคในลำไส้ลงด้วย
  2. IV Detoxification การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำเพื่อการกำจัดสารพิษในร่างกาย ปรุงสูตรเฉพาะแต่ละบุคคลโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสารอาหารสุขภาพ ช่วยกำจัดสารพิษอย่างปลอดภัยให้เซลล์ทุกเซลล์ เพิ่มระดับวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระให่ร่างกายโดยตรง ลดการอักเสบทั่วร่างกาย ปรับการทำงานของภูมิคุ้มกันให้กลับมาเป็นปกติ
  3. Oral Chelation การกำจัดสารพิษด้วยอาหารเสริมชนิดรับประทาน เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการให้สารอาหารทางหลอดเลือด หรือผู้ที่กลัวเข็ม เป็นวิธีการล้างพิษที่ละน้อย ช้าๆอย่างปลอดภัย ต้องมีความต่อเนื่องและวินัยในการกินอาหารเสริมตามคำแนะนำของแพทย์ต่อเนื่องระยะยาว
  4. SuperSynbiotic เติมจุลินทรีย์ที่ดีให้แก่ร่างกาย ด้วยจุลินทรีย์แบบมีชีวิต พร้อมอาหารของจุลินทรีย์ เพื่อให้จุลินทรีย์สามารถมีชีวิตรอดได้ในลำไส้ของเรา ให้จุลินทรีย์ที่ดีช่วยสลายสารพิษหรือสารเคมีส่วนเกินในลำไส้ (ซึ่งจำเป็นต้องใช้จุลินทรีย์ที่มีชีวิตอยู่ กำลังเคลื่อนไหว ทำงานได้ ไม่สามารถใช้จุลินทรีย์ชนิดแห้งหรือจุลินทรีย์จำศีลหรือจุลินทรีย์แบบผง)

 

โปรแกรมแนะนำ Basic Allergy
รายการ ราคา

ภูมิแพ้อาหารแฝง Food IgG Sensitivity

18,900 บาท

ตรวจโลหะหนัก+เกลือแร่ OligoScan

5,000 บาท

ตรวจการทำงาต่อมไทรอยด์ TFT + Anti-TG + Anti-TPO

2,400 บาท

สารอาหารทางหลอดเลือด IV drip 5 ครั้ง

30,000 บาท

การสวนล้างลำไส้ระบบปิด Colon Hydrotherapy 5 ครั้ง

20,000 บาท

ราคาเต็ม

76,300 บาท

พิเศษซื้อยกแพค

53,410 บาท (ลด 30%)

แถมฟรี VitD3 IM x1 ครั้ง มูลค่า 4,000 บาท