รายละเอียดแพคเกจ
รายละเอียดแพคเกจ

สนใจติดต่อ

@Medtopia 098-9824658

ตับ (Liver)

รู้หรือไม่ว่า ตับเป็นอวัยวะที่มีความสามารถฟื้นฟูตัวเองได้สูงมาก (มากๆ) โดยตับสามารถสร้างเซลล์ตับใหม่แทนที่เซลล์ตับเก่าที่ตายไปแล้ว ถึงแม้ว่าเนื้อตับจะถูกทำลายไปแล้วกว่า 70% ก็ยังสามารถซ่อมแซมตัวเองกลับมาได้เป็นปกติได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่ในขั้นตอนการซ่อมแซมตัวเองนั้นต้องการสารอาหารที่สูงเพียงพอและยังต้องการสารต้านอนุมูลอิสระอีกมากมายเพื่อช่วยปกป้องไม่ให้อะไรมารบกวนกระบวนการซ่อมแซมที่กำลังจะเกิดขึ้น และช่วยให้เซลล์ตับใหม่อยู่รอดได้อย่างแข็งแรง

จะสังเกตว่าเมืองไทยมีการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา เพราะการหยุดทำลายตับ (จากการหยุดกินแอลกอฮอล์) เพียง 3 เดือน ก็เป็นการให้เวลาตับฟื้นฟุตัวเองจากการถูกทำลายอย่างยาวนานกว่า 9 เดือนที่ผ่านมา แต่ทำไมหลายๆคนงดเหล้าเข้าพรรษาแล้วก็ยังมีปัญหาตับจากแอลกอฮอล์อยู่ นั่นก็เพราะว่าช่วงที่หยุดแอลกอฮอล์ ตับได้รับสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองกลับมาเป็นปกติได้ แม้จะงดแอลกอฮอล์มานานถึง 3 เดือนแล้วก็ตาม

ขั้นตอนแรกที่สำคัญในการฟื้นฟูซ่อมแซมตับคือ การล้างพิษตับ (Liver Detoxification) เพราะถ้าเนื้อตับที่เหลืออยู่ของเราไม่แข็งแรงเพียงพอ มันก็จะไม่สามารถทำงานทดแทนส่วนที่หายไปได้ การล้างพิษตับจึงเป็นการทำความสะอาดให้เซลล์ตับที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นแข็งแรงขึ้น ปราศจากสารพิษที่ค่อยๆกัดกร่อนจากภายใน ซึ่งการล้างพิษตับนั้นมีด้วยกัน 3 ขั้นตอน

Phase 1 (ขั้นตอนแรก)

สารพิษที่สะสมในร่างกายเรานั้นส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถละลายน้ำได้ มักจะละลายสะสมอยู่ในไขมันตามอวัยวะต่างๆ มันจึงไม่ถูกขับออกทางปัสสาวะ ในขั้นตอนแรกตับจึงบังคับให้สารพิษเหล่านี้ละลายน้ำ โดยเอาสารพิษมาผูกติดกับสารบางชนิดที่สามารถละลายน้ำได้ เช่น Vitamin B, Glutathione, Phytonutrient (สารพฤกษเคมี), BCAA (กรดอะมิโนชนิดแตกกิ่ง) เป็นต้น แต่การทำให้สารพิษละลายน้ำได้ ไม่ได้เป็นการทำให้สารพิษหมดฤทธิ์ กลับกัน ในบางครั้งสารพิษอาจจะมีความเป็นพิษเพิ่มขึ้นได้ ! ดังนั้นจึงต้องส่งสารพิษเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2

Phase 2 (ขั้นตอนที่ 2)

เป็นขั้นตอนที่ทำให้สารพิษนั้นหมดฤทธิ์ เพื่อทำให้ปลอดภัยเพียงพอที่จะขนส่งสารพิษไปตามกระแสเลือด ซึ่งทำได้โดยการทำสารพิษจากขั้นตอนที่ 1 มาจับกันสารพิเศษบางตัว เช่น Glutathione, Sulfur (สารซัลเฟอร์), Methyl group (หมู่เมทิล), Amino acid (กรดอะมิโน โปรตีนตัวย่อยต่างๆ) เป็นต้น เมื่อผ่านขั้นตอนที่ 2 แล้ว สารพิษก็จะหมดฤทธิ์โดยสิ้นเชิง สามารถที่จะส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆเพื่อขับออกจากร่างกายได้

Phase 3 (ขั้นตอนที่ 3)

ขั้นตอนสุดท้ายคือการทิ้งสารพิษออกไปนอกตับ ส่งไปยังอวัยวะขับพิษต่างๆ เช่น ถุงน้ำดี ผิวหนัง และไต เพื่อขับสารพิษออกมาทางน้ำดี เหงื่อ และปัสสาวะ ทิ้งออกไปนอกร่างกายนั่นเอง แต่การขับสารพิษออกทางถุงน้ำดี สารพิษจะถูกขับออกมาอยู่ในลำไส้อีกครั้งหนึ่ง เพราะสารพิษมาคู่น้ำดีที่ถูกหลั่งเข้ามายังภายในลำไส้ มันจึงมีโอกาสที่จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายได้อีกครั้งหนึ่ง การจะป้องกันไม่ให้สารพิษถูกดูดกลับ คือ ต้องอาศัยไฟเบอร์และจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ เนื่องจากไฟเบอร์จะช่วยกักเก็บสารพิษไว้ในลำไส้ แล้วจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ของเราจะช่วยย่อยสลายสารพิษให้กับเรา ทำให้สารพิษสลายไปก่อนที่จะถูกดูดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

จะเห็นได้ว่าในทุกขั้นตอนของการล้างสารพิษของตับต้องอาศัยสารอาหารต่างๆมากมาย อีกทั้งยังต้องมีไฟเบอร์และจุลินทรียืที่ดีในลำไส้เพื่อป้องกันการดูดกลับสารพืษอีกด้วย การเตรียมพร้อมร่างกายก่อนการล้างพิษตับจึงสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อตับได้รับการขจัดสารพิษแล้ว เราจึงจะสามารถกระตุ้นให้ตับฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การรักษาไขมันพอกตับยังต้องอาศัยความร่วมมือของคนไข้ด้วยเช่นกัน ทั้งการควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารประเภทน้ำตาล Fructose ต้นเหตุของไขมันพอกตับ การลดแอลกอฮอล์ให้ได้มากที่สุด หรืออย่างน้อยก็ควรเปลี่ยนชนิดเครื่องดิ่มแอลกอฮอล์เป็นไวน์แดง เนื่องจากไวน์แดงมีผลต่อตับน้อยที่สุดในในบรรดาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด และยังต้องลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาลและไขมันตามธรรมชาติ การออกกำลังกายยังเป็นการช่วยกระตุ้นการทำงานของสเต็มเซลล์ (Stem cell) ที่จะมาซ่อมแซมตับของเราด้วยอีกทางหนึ่ง

แต่ถ้าเกิดมีภาวะตับแข็งเกิดขึ้นแล้ว แสดงว่าเนื้อตับได้ตายไปกลายเป็นพังผืดจำนวนหนึ่ง การรักษาซ่อมแซมจะเป็นไปได้อย่างยากลำบาก วิธีการรักษาจะเปลี่ยนไปมุ่งเน้นการกระตุ้นการทำงานของสเต็มเซลล์ (Stem cell) เพื่อให้สเต็มเซลล์ออกมาซ๋อมแซมตับ ช่วยสร้างเซลล์ตับใหม่มาทดแทนส่วนที่เป็นพังผืดไปแล้ว ซึ่งยาที่มีผลในการกระตุ้นสเต็มเซลล์ได้บ้างคือยา Liraglutide ดังนั้นถึงแม้คนไข้จะไม่อยากใช้ยาฉีด แต่เมื่อถึงจุดนี้แล้วแพทย์ก็อาจต้องขอให้คนไข้พิจารณาการใช้ยาฉีด เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของตัวท่านเอง

นอกจาก Liraglutide แล้ว ก็ยังมีสารกระตุ้นการซ่อมแซมระดับเซลล์ หรือ Growth factor ที่สามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ ทั้งสเต็มเซลล์และเซลล์ตับ ช่วยให้การแบ่งเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อเป็นไปได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Growth factor ที่ใช้ได้ผลดีในการรักษาพังผืดในตับคือ สารสกัดจากรก (Placenta extract) และ PRP (เกล็ดเลือดเข้มข้น)

เลือดมีองค์ประกอบหลักอยู่ 4 อย่าง คือ น้ำเลือด เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ซึ่งภายในเกล็ดเลือดจะมีสารกระตุ้นการซ่อมแซมของเซลล์อยู่ การนำเกล็ดเลือดมาใช้จึงเป็นการฉีดสารกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ ช่วยให้เซลล์ตับฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น แต่การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นจากเลือดของตัวเองในบางครั้งจะไม่สามารถควบคุมปริมาณของสาร Growth Factor ได้ ในบางคนเกล็ดเลือดอาจมี Growth factor อยู่เจือจาง เมื่อนำเกล็ดเลือดตัวเองมาฉีดจึงเห็นผลน้อย ในปัจจุบันจะมีการสกัดสาร Growth factor จากเกล็ดเลือดออกมาเป็นแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีความเข้มข้นของ Growth factor สูง สามารถควบคุมชนิดและปริมาณให้เหมาะสม การฉีดด้วย Growth factor แบบสำเร็จรูปจึงมีประสิทธิภาพมากกว่าและเห็นผลได้ชัดกว่าการใช้เลือดของตนเอง

 

โปรแกรมแนะนำสำหรับผู้มีภาวะตับอักเสบ
รายการ ราคา
อาหารเสริมบำรุงตับ Hepatocare 3 กระปุก

4,500 บาท

อาหารเสริมแก้ตับอักเสบ Aurawhite 3 กระปุก

3,000 บาท

ตรวจสภาวะตับแบบละเอียด FibroScan 1 ครั้ง

2,500 บาท

สารอาหารทางหลอดเลือด IV drip 5 ครั้ง

30,000 บาท

ราคาเต็ม

40,000 บาท

พิเศษซื้อยกแพค

32,000 บาท (ลด 20%)

 

โปรแกรมแนะนำสำหรับผู้มีภาวะไขมันพอกตับ และ ตับแข็ง
รายการ ราคา
อาหารเสริมบำรุงตับ Hepatocare 3 กระปุก

4,500 บาท

อาหารเสริมแก้ตับอักเสบ Aurawhite 3 กระปุก

3,000 บาท

ฉีด Growth Factor สำเร็จรูป PRP Ready 3 ครั้ง

15,000 บาท

สารอาหารทางหลอดเลือด IV drip 10 ครั้ง

60,000 บาท

ฉีดสารสกัดจากรก Placenta Ext 3 ครั้ง

15,000 บาท

ราคาเต็ม

97,500 บาท

พิเศษซื้อยกแพค

73,125 บาท (ลด 25%)

แถมฟรี FibroScan x 2 ครั้ง มูลค่า 5,000   บาท